5 ไอเดียร์การตั้งค่าปิดร้าน Shopee ชั่วคราว แอบหนีลูกค้าเที่ยวช่วงเทศกาล พร้อมข้อดี ข้อเสีย และเทคนิคในการตั้งค่าแต่ละวิธี

ไอเดียร์การตั้งค่า ปิดร้าน Shopee ชั่วคราว ไปท่องเที่ยว พักร้อน

ขายของในช้อปปี้มาหลายเดือน เทศกาลทั้งทีพ่อค้าแม่ค้าอย่างเราก็คงอยากพักร่าง พักสมอง หยุดกังวลกับหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างในการขายสินค้า บทความนี้ทีมงานจะมาแนะนำไอเดียการหนีลูกค้าเที่ยวช่วงเทศกาลด้วยการปิดร้าน Shopee ชั่วคราว ด้วยเทคนิคเริศ ๆ พร้อมคำอธิบายพอสังเขปให้ไปลองตั้งค่ากัน ชอบวิธีไหนก็นำไปลองกันได้เลย

เทคนิคพวกนี้ยังสามารถเอาไปใช้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินส่วนตัวได้ด้วยนะคะ เช่น ประสบปัญหากับซัพพลายเออร์ในการสต็อกของ มีเหตุฉุกเฉินที่จะต้องหยุดขายหยุดส่งสินค้าชั่วคราว และอื่น ๆ อ๋อ อ๋อ อ๋อ แล้วก็อย่าลืมอ่านเทคนิคของแต่ละวิธีกันด้วยนะคะเดี๋ยวจะหาว่าทีมงานไม่แนะนำไม่ได้นะค๊าา

ไอเดียปิดร้านแบบที่ 1 "เปิดโหมดพักร้อน"

ไอเดียการปิดร้าน Shopee ชั่วคราวด้วยการเปิดโหมดพักร้อนใน Shopee เป็นการชัดเจนค่ะ ว่าร้านเรายังไม่เปิดขายสินค้าในช่วงนี้ แต่ลูกค้าเองบางครั้งเห็นว่าร้านค้าเปิดโหมดพักร้อน แต่ก็มิได้สนใจ เพราะเป็นสินค้าที่ตัวเองอยากได้ สินค้าก็ดี ยอดขายก็เยอะ รีวิวก็งาม จะสั่งให้ได้เลยทีเดียว ก็มีบ้างแหละที่ลูกค้าผู้น่ารักของเราจะยังมีทักเข้ามาสอบถามรายละเอียดผ่านทางแชท

ดังนั้นหากจะให้วิธีนี้เวิร์ค ร้านค้าจะต้องตั้งค่าการตอบกลับข้อความอัตโนมัติในแชทช้อปปี้ด้วยค่ะ ว่าร้านค้าของเราไปพักร้อนอยู่นะอาจตอบคำถามไม่ได้ในช่วงเวลานี้ และจะกลับมาตอบอีกครั้งในช่วงเวลาใดก็ว่าไป โดยการตั้งค่าเปิดโหมดพักร้อนสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Seller Center ด้วยการคลิกเลือกเมนู “การตั้งค่าร้านค้า” และเปิดสวิตช์ในส่วน “โหมดพักร้อน” ได้เลยค่ะ สังเกตุซักนิดจะเห็นว่าระบบจะมีการแนะนำให้ตั้งค่าการตอบกลับข้อความอัตโนมัติด้วยนะ ก็เข้าไปตั้งค่ากันด้วยละเดี๋ยวลูกค้ารัวข้อความมาแชทค้างกันพอดี

ข้อดี ของการ เปิดโหมดพักร้อน

  1. ง่ายสุด ๆ เปิดสวิตช์โหมดพักร้อนครั้งเดียวจบเลย ที่เหลือก็แค่ไปเคลียร์ออเดอร์ที่ค้างส่งให้หมด
  2. กรณีที่ลูกค้ามีการแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมหน้าโปรไฟล์ร้านค้า ลูกค้าจะยังคงมองเห็นสินค้าภายในร้านค้าอยู่ แต่ไม่สามารถกดปุ่มสั่งซื้อสินค้าได้ ซึ่งถือเป็นการไม่ตัดโอกาสที่จะให้ลูกค้าได้เยี่ยมชมสินค้าภายในร้านค้า
  3. หากมีลูกค้าทักแชทร้านค้าเข้ามาในช่วงที่ร้านค้าเปิดโหมดพักร้อน และร้านค้าไม่ได้ตอบกลับแชทลูกค้า อัตราการตอบกลับแชทจะไม่ลดลง

ข้อเสีย ของการ เปิดโหมดพักร้อน

  1. สินค้าจะไม่แสดงผลในหน้าการค้นหาและสูญเสียโอกาสในการขายสินค้า เนื่องจากลูกค้าจะไม่สามารถทำรายการสั่งซื้อได้เลย
  2. กรณีร้านค้าเข้าร่วมแคมเปญอยู่หรือตั้งค่าโปรโมชั่นไว้จะเข้าโหมดพักร้อนไม่ได้นะคะ แอดมินแนะนำให้วางแผนวันดี ๆ หากต้องการใช้โหมดพักร้อนก็ควรวางแผนเรื่องการเข้าร่วมแคมเปญ หรือตั้งระยะเวลาโปรให้ดี ๆ ก่อนไปเที่ยวค่ะ
  3. การเปิดโหมดพักร้อนอาจใช้เวลานานซักหน่อย เพื่อให้ระบบได้จัดการกับร้านค้าของเราในระบบหลังบ้าน ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 1 ชม. เลยทีเดียวและเมื่อร้านค้ากลับมาปิดโหมดพักร้อนแล้ว ระบบจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจึงจะกลับมาจำหน่ายสินค้าได้อีกครั้ง
  4. อีกหนึ่งคำบอกเล่าจากวงการพ่อค้าแม่ค้าเองบอกว่า การเปิดโหมดพักร้อนนั้นจะทำให้อัตราการมองเห็นสินค้าลดลงเมื่อกลับมาเปิดร้านอีกครั้ง ในส่วนนี้เองก็ไม่สามารถการันตีได้ 100% โดยทางทีมงานของเราได้ลองวิเคราะห์และสรุปว่า สำหรับร้านค้าที่เปิดโหมดพักร้อนและร้านค้าของท่านจำหน่ายสินค้าที่มีคู่แข่งจำหน่ายอยู่เยอะ ในช่วงที่ร้านค้าพักร้อนลูกค้าก็อาจจะเทไปซื้อสินค้าร้านของคู่แข่ง ทำให้อัตราการสั่งซื้อสินค้าในร้านของคู่แข่งเพิ่มขึ้น ดังนั้นเมื่อมีลูกค้าใหม่ ๆ ทำการค้นหาสินค้าในกลุ่มที่ร้านค้าของท่านและร้านค้าของคู่แข่งจำหน่าย ลำดับสินค้าของคู่แข่ง ก็อาจจะแสดงผลขึ้นก่อนด้วยเหตุผลที่ว่า..เป็นสินค้าล่าสุดที่ลูกค้ามีการสั่งซื้อเข้ามาเป็นลำดับต้น ๆ นั่นเอง แต่อย่างนั้นก็ไม่เสมอไป หากบริการของร้านค้าของเราไม่เป็นสองรองใคร ไม่นานอัตราการมองเห็นสินค้าและจำนวนออเดอร์จะกลับมาเป็นปกติอย่าง 100% แน่นอนค่ะ

เทคนิคแนะนำ สำหรับการ เปิดโหมดพักร้อน

  • เปิดโหมดพักร้อนล่วงหน้า 3 วันก่อนไปเที่ยว จะได้เคลียร์ออเดอร์ออกจัดส่งให้หมด และคำสั่งซื้อที่ลูกค้าสั่งซื้อเข้ามาและรอเวลาชำระเงินก็จะได้รับการยกเลิกภายในช่วงเวลา 3 วันที่เราเปิดโหมดพักร้อนล่วงหน้า (ร้านค้าจะได้ไม่ต้องมาไล่ยกเลิกออเดอร์เองก่อนไปเที่ยว)
  • จัดทำแบนเนอร์ (Banner) ว่าเราหยุดส่งสินค้า ไปเที่ยวนะ แปะไว้ที่หน้าร้านค้าด้วยจะดีมากเลย ใส่รายละเอียดเล็ก ๆ ไว้ด้วยว่าเราจะกลับมาวันไหน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://seller.shopee.co.th/edu/article/877)
ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
  • วิธี เปิด-ปิด การใช้งานโหมดพักร้อน https://seller.shopee.co.th/edu/article/249

ไอเดียปิดร้านแบบที่ 2 "ตั้งค่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์"

ไอเดียการปิดร้าน Shopee ชั่วคราวด้วยการตั้งค่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์ (ตั้งค่าเตรียมจัดส่งนานกว่าปกติ 7-30 วัน) วิธีการนี้เหมาะกับร้านค้าที่ยังต้องการเปิดรับออเดอร์อยู่ในช่วงเวลาที่เราไปเที่ยวหรือพักผ่อน ด้วยการที่เราเลือกเปลี่ยนระยะเวลาการจัดส่งสินค้าให้กับสินค้าแต่ละชิ้น จากปกติที่ร้านค้าจะต้องจัดเตรียมและจัดส่งสินค้าภายใน 2 วัน หลังจากคำสั่งซื้อได้รับการยืนยันการชำระเงิน ก็เปลี่ยนระยะเวลาการจัดส่งสินค้าไปเป็นช่วง 7-30 วันแทน

เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาในช่วงเวลาที่เราไปเที่ยวหรือพักผ่อน จะทำให้ระบบไม่กดดันเราด้วยระยะเวลาการจัดส่งสินค้า และหลังจากกลับมาแล้วจึงค่อยปรับระยะเวลาการจัดส่งสินค้ากลับมาเหมือนเดิมและทยอยไล่จัดส่งพัสดุตามคิวคำสั่งซื้อต่าง ๆ ให้ครบถ้วน แต่วิธีการนี้ก็อาจมีความเสี่ยงอยู่ซักหน่อย ลองอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในข้อดี ข้อเสีย และเทคนิคแนะนำก่อนนะคะ

ข้อดี ของการ ตั้งค่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์

  1. สินค้ายังคงสามารถค้นหาได้ในหน้าค้นหาตามปกติและลูกค้ายังเห็นสินค้าภายในร้านค้าของเราเป็น 1 ในตัวเลือกที่อาจจะซื้ออยู่
  2. ลูกค้ายังคงสามารถทำรายการสั่งซื้อเข้ามาได้ตามปกติ แม้เรากำลังท่องเที่ยวพักผ่อน ก็ยังสบายใจได้ว่าเมื่อกลับไปก็ยังมีออเดอร์รอส่งอยู่ ซึ่งจะทำให้ร้านค้าไม่ขาดรายได้และเสียโอกาสในการจำหน่ายสินค้าไป

ข้อเสีย ของการ ตั้งค่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์

  1. หากมีสินค้าภายในร้านค้าเยอะ อาจยุ่งยากในการตั้งค่าเล็กน้อย
  2. ลูกค้าบางท่านไม่ได้สนใจว่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์หรือไม่และยังคงมองว่าร้านค้าจัดส่งสินค้านานกว่าปกติ (อาจได้รับรีวิวไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็แก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยการตั้งค่าข้อความตอบกลับอัตโนมัติในแชทว่าเราไปเที่ยวนะ อาจจัดส่งล่าช้าหน่อย เผื่อมีลูกค้าทักมาตามของรัว ๆ ค่ะ)
  3. มีโอกาสเสี่ยงหลุดจากร้านค้าแนะนำ ในกรณีที่ตั้งค่าสินค้าพรีออเดอร์ไว้มากกว่า 20% ของจำนวนสินค้าทั้งหมดภายในร้านค้า เป็นเวลานานกว่า 120 ชั่วโมง (5 วัน) เช่น มีสินค้าภายในร้านค้า 100 ชิ้น หากตั้งค่าสินค้าไว้เป็นพรีออเดอร์ 22 ชิ้น (คิดเป็น 22%) เป็นเวลานานกว่า 5 วัน (จำนวนวันจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่มีสินค้าพรีออเดอร์เกิน 20% และจะหยุดนับในวันที่จำนวนสินค้าพรีออเดอร์ไม่เกิน 20% ส่วนจำนวนวันที่เกิน 5 วันหรือ 120 ชั่วโมงนั้นคำนวณรวมถอยกลับไปภายใน 30 วันย้อนหลัง)
  4. หากมีลูกค้าทักแชทร้านค้าเข้ามาในช่วงที่เราไปเที่ยวพักผ่อน และเราไม่ได้ตอบกลับแชทลูกค้า อัตราการตอบกลับแชทจะลดลง (ซึ่งต่างจากการเปิดโหมดพักร้อน แม้ไม่ตอบแชทลูกค้า อัตราการตอบกลับแชทก็จะไม่ลดลง)

เทคนิคแนะนำ สำหรับการ ตั้งค่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์

  1. หากต้องการแก้ไขจำนวนวันจัดส่งกับสินค้าหลาย ๆ ชิ้น ให้ใช้ฟังก์ชั่นที่ช้อปปี้มีให้ ได้แก่ “แก้ไขข้อมูลสินค้าแบบชุด” โดยมีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้คือ
    1.  ที่ Seller Center ของร้านค้า คลิกเลือกเมนู “สินค้าของฉัน” (ที่เมนูด้านซ้าย)
    2. คลิกเลือกเมนูย่อที่ชื่อ “ทำเป็นชุด” จากนั้นเลือก “แก้ไขข้อมูลสินค้าแบบชุด” (เมนูอยู่ข้าง ๆ ปุ่มสีส้ม)
    3. ที่การตั้งค่าสร้างแบบฟอร์ม ให้เลือก “ระยะเวลาเตรียมพัสดุ” จากนั้นกดปุ่ม “สร้าง” (ปุ่มสีส้ม)
    4. รอจนกว่าระบบจะสร้างฟอร์มแก้ไขสินค้าให้เสร็จ และกดปุ่ม “ดาวน์โหลด” ด้านหลังแถวรายการที่ระบบสร้างฟอร์มให้
    5. คัดลอก(Copy) ไฟล์ที่โหลดมาสร้างเป็นไฟล์ใหม่ค่ะ ส่วนไฟล์นั้นเก็บไว้ดี ๆ จะได้ใช้เวลาที่กลับมาจากเที่ยวแล้ว ในการกู้คืนการตั้งค่าระยะเวลาการจัดส่งสินค้ากลับมาค่ะ (ถ้าไม่ก็อปปี้ไว้จะต้อง Export ไฟล์มาแก้อีกรอบนะคะ เตือนแล้วนะ!)
    6. เปิดไฟล์ที่คัดลอกใหม่ด้วยโปรแกรม Excel (หรือใช้วิธีการอัพโหลดไฟล์ขึ้น Google Drive แล้วเปิดด้วย Google Spreadsheets จากนั้นแก้ไขข้อมูลให้เสร็จ และดาวน์โหลดไฟล์เป็น .xlxs ลงมาจาก Google Drive อีกครั้ง ก็ได้เช่นกันค่ะ) และเมื่อเปิดไฟล์แล้ว ที่คอลัมน์ “ระยะเวลาเตรียมพัสดุ” ให้ป้อนจำนวนวันที่จะตั้งเป็นสินค้าพรีออเดอร์ตามต้องการ (ต้องป้อนค่าช่วง 7-30 วันนะ ไม่งั้นระบบจะไม่ยอมให้แก้) ซึ่งระยะเวลาตรงนี้หมายถึงเมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาเราจะต้องจัดส่งสินค้าภายในกี่วัน เช่น หากป้อน 10 วัน ก็หมายถึงเรามีระยะเวลาในการจัดเตรียมสินค้า+จัดส่งภายใน 10 วัน ตรงนี้ก็ลองคำนวณดี ๆ นะคะ โดยดูจากวันที่เราไปเที่ยวว่าใช้ระยะเวลาประมาณกี่วันค่ะ จากนั้นก็แก้ แก้ แก้ รายการสินค้าที่ต้องการตั้งเป็นพรีออเดอร์ให้ครบ (จะใช้วิธีการลากตัวเลขยาวทุกรายการก็ได้นะคะ) จากนั้นบันทึกไฟล์ดังกล่าวและเตรียมอัพโหลดไฟล์ที่แก้กลับไปยัง Seller Center อีกครั้ง
    7. ที่ Seller Center ยังอยู่ที่หน้าเว็บไซต์เดิมคือ “แก้ไขข้อมูลสินค้าแบบชุด” ให้เลือกเมนู “อัพโหลด” (ตัวหนังสือสีดำธรรมดา ไม่เป็นปุ่มกด)
    8. จากนั้นกดปุ่ม “เลือกไฟล์” สีส้ม และทำการเลือกไฟล์ที่ได้แก้ไขไปในหัวข้อที่ 6 และเมื่อทำการเลือกไฟล์แล้วระบบจะอัพโหลดไฟล์ให้โดยอัตโนมัติ และทำการปรับระยะเวลาการจัดเตรียมพัสดุ ของสินค้าให้ ตามรายการที่แก้ไขไปในไฟล์
    9. และเมื่อกลับมาจากพักผ่อนท่องเที่ยวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องการแก้ไขกลับ ก็ใช้วิธีการเดิมในข้อที่ 7 และ 8 ข้างต้น โดยคราวนี้ให้ทำการอัพโหลดไฟล์ที่ได้เก็บไว้ในข้อที่ 5 เข้าไป (ไฟล์ที่ไม่ถูกแก้ไข) เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ ระบบจะทำการปรับระยะเวลาการจัดเตรียมพัสดุ ของสินค้าให้ ตามรายการเดิมก่อนวันที่เราจะไปเที่ยวเลยค่ะ
      * ดูการสาธิตขั้นตอนคร่าว ๆ ได้ที่ https://seller.shopee.co.th/edu/article/1584
  2. ไม่ควรตั้งค่าสินค้าพรีออเดอร์นานกว่า 120 ชั่วโมง หรือ 5 วัน เพราะมีความเสี่ยงที่จะโดนปลดจากร้านค้าแนะนำได้ เมื่อใกล้ครบกำหนด 120 ชั่วโมง หรือ 5 วัน ให้ยกเลิก(คืนค่า)การตั้งค่าสินค้าพรีออเดอร์และเปลี่ยนกลับไปใช้วิธีการอื่นแทน ตามวิธีการแนะนำในบทความนี้
  3. ตั้งค่าข้อความตอบกลับอัตโนมัติเตรียมไว้เลยค่ะ ว่าร้านค้าอยู่ในช่วงพักผ่อนหรือไปเที่ยวนะ จะกลับมาส่งของอีกครั้งวันที่เท่าไหร่ เพราะต้องมีลูกค้าแชทเข้ามาตามของจากการจัดส่งสินค้าล่าช้าแน่นอนค่ะ
  4. จัดทำแบนเนอร์ (Banner) ว่าเราหยุดส่งสินค้า ไปเที่ยวนะ แปะไว้ที่หน้าร้านค้าด้วยจะดีมากเลย ใส่รายละเอียดเล็ก ๆ ไว้ด้วยว่าเราจะกลับมาวันไหน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://seller.shopee.co.th/edu/article/877)

วัตถุประสงค์จริง ๆ ของการตั้งค่าสินค้าพรีออเดอร์

ถึงแม้ว่าการตั้งค่าสินค้าพรีออเดอร์นั้น จะช่วยขยายระยะเวลาการจัดส่งในช่วงที่เราไปเที่ยวหรือพักผ่อนได้ แต่จริง ๆ แล้ว การตั้งค่าสินค้าพรีออเดอร์ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ขายที่ประสบปัญหาต่อไปนี้ ได้จำหน่ายสินค้าได้อย่างสะดวกขึ้นค่ะ ตัวอย่างได้แก่

  • สินค้าที่ขายนั้นเป็นสินค้าที่ต้องสั่งผลิตเฉพาะเป็นระยะเวลานาน หรือ เป็นสินค้าทำมือ เป็นต้น
  • สินค้านั้นเป็นสินค้าที่ต้องใช้การจัดส่งแบบพิเศษ เช่น สินค้าที่ต้องพึ่งพาการขนส่งที่ต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ
  • สินค้านั้นต้องผ่านการตรวจสอบทางกฎหมายก่อนการจัดส่ง
  • สินค้าที่ผู้ขายไม่ได้มีการสต็อกสินค้าเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสินค้ามีราคาสูง เป็นต้น

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

  • นิยามของสินค้าพรีออเดอร์ https://seller.shopee.co.th/edu/article/344
  • วิธีตรวจสอบเปอร์เซ็นต์รายการสินค้าพรีออเดอร์ https://seller.shopee.co.th/edu/article/1583

ไอเดียปิดร้านแบบที่ 3 "ปรับสต็อกสินค้าเป็น 0 ทุกรายการสินค้า"

ไอเดียการปิดร้าน Shopee ชั่วคราวด้วยการปรับสต็อกสินค้าเป็น 0 ทุกรายการสินค้าจะทำให้ลูกค้ายังคงสามารถเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าภายในร้านค้าได้อยู่ แต่ไม่สามารถกดสั่งซื้อสินค้าได้ (มองเห็นปุ่มเพิ่มไปยังรถเข็นและปุ่มซื้อสินค้า แต่ไม่สามารถกดปุ่มเพื่อทำรายการได้) ดังนั้นวิธีการนี้อาจทำให้ลูกค้าสับสนมึนงงเล็กน้อยว่าทำไมสินค้าทุกชิ้นภายในร้านค้าจึงหมดสต็อกพร้อมกันทั้งหมด แต่ก็เป็นอีก 1 วิธีที่น่าสนใจที่จะนำมาใช้ปิดร้านหนีเที่ยวในช่วงเทศกาลได้เช่นกัน

ข้อดี ของการ ปรับสต็อกสินค้าเป็น 0 ทุกรายการสินค้า

  1. กรณีที่ลูกค้ามีการแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมหน้าโปรไฟล์ร้านค้า ลูกค้าจะยังคงมองเห็นสินค้าภายในร้านค้าอยู่ แต่ไม่สามารถกดปุ่มสั่งซื้อสินค้าได้ ซึ่งถือเป็นการไม่ตัดโอกาสที่จะให้ลูกค้าได้เยี่ยมชมสินค้าภายในร้านค้า

ข้อเสีย ของการ ปรับสต็อกสินค้าเป็น 0 ทุกรายการสินค้า​

  1. หากมีสินค้าภายในร้านค้าเยอะ อาจยุ่งยากในการตั้งค่าเล็กน้อย
  2.  ถึงแม้ว่ารายการสินค้าจะยังคงแสดงผลภายในร้านค้าอยู่ แต่นั่นก็เมื่อลูกค้ามีการกดเข้ามาเยี่ยมชมโปรไฟล์ของร้านค้าเท่านั้น สินค้าทั้งหมดภายในร้านค้าที่มีการตั้งสต็อกเป็น 0 จะถูกซ่อนหายไปจากหน้าผลการค้นหาของช้อปปี้ด้วย หากต้องการให้สินค้ายังคงแสดงผลอยู่ในหน้าการค้นหาของช้อปปี้ ร้านค้าจะต้องเลือกใช้วิธีการตั้งค่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์ หรือวิธีการปิดช่องทางการจัดส่งสินค้า เพื่อไปเที่ยวหรือพักผ่อนแทน
  3. หากมีลูกค้าทักแชทร้านค้าเข้ามาในช่วงที่เราไปเที่ยวพักผ่อน และเราไม่ได้ตอบกลับแชทลูกค้า อัตราการตอบกลับแชทจะลดลง (ซึ่งต่างจากการเปิดโหมดพักร้อน แม้ไม่ตอบแชทลูกค้า อัตราการตอบกลับแชทก็จะไม่ลดลง)

เทคนิคแนะนำ สำหรับการ ปรับสต็อกสินค้าเป็น 0 ทุกรายการสินค้า​

  1. ควรทำการตั้งค่าปรับสต็อกสินค้าเป็น 0 ทุกรายการสินค้า ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน เพื่อทำการเคลียร์คำสั่งซื้อที่ยังค้างอยู่ออกทำการจัดส่งให้หมด และคำสั่งซื้อที่สั่งซื้อเข้ามาและรอยืนยันการชำระเงิน ก็อาจมีการยกเลิกในช่วงที่มีการปรับสต็อกเป็น 0 แล้ว ดังนั้นเมื่อคำสั่งซื้อมีการยกเลิก จำนวนสต็อกในคำสั่งซื้อดังกล่าวจะคืนกลับสู่จำนวนสต็อกของสินค้า หากต้องการเลือกใช้วิธีการปรับจำนวนสต็อกสินค้าเป็น 0 จะต้องทำทั้งหมด 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งแรกทำการปรับสต็อกเมื่อต้องการปิดร้าน (ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน) และครั้งที่ 2 ทำเมื่อต้องการไปเที่ยวเพื่อเคลียร์สต็อกของคำสั่งซื้อที่ได้รับการยกเลิกอีกครั้ง (เพื่อป้องกันลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อสินค้าในรายการสินค้าที่สต็อกมีการคืนกลับ) วิธีการปรับสต็อกเป็น 0 ให้กับสินค้าจำนวนเยอะ ๆ นั้น สามารถดูคำแนะนำได้ในหัวข้อที่ 2 นี้ 
  2. หากต้องการแก้ไขจำนวนสต็อกสินค้ากับสินค้าหลาย ๆ ชิ้น ให้ใช้ฟังก์ชั่นที่ช้อปปี้มีให้ ได้แก่ “แก้ไขข้อมูลสินค้าแบบชุด” โดยมีขั้นตอนคร่าว ๆ ดังนี้คือ
    1.  ที่ Seller Center ของร้านค้า คลิกเลือกเมนู “สินค้าของฉัน” (ที่เมนูด้านซ้าย)
    2. คลิกเลือกเมนูย่อที่ชื่อ “ทำเป็นชุด” จากนั้นเลือก “แก้ไขข้อมูลสินค้าแบบชุด” (เมนูอยู่ข้าง ๆ ปุ่มสีส้ม)
    3. ที่การตั้งค่าสร้างแบบฟอร์ม ให้เลือก “แก้ไขสินค้า” จากนั้นกดปุ่ม “สร้าง” (ปุ่มสีส้ม)
    4. รอจนกว่าระบบจะสร้างฟอร์มแก้ไขสินค้าให้เสร็จ และกดปุ่ม “ดาวน์โหลด” ด้านหลังแถวรายการที่ระบบสร้างฟอร์มให้
    5. คัดลอก(Copy) ไฟล์ที่โหลดมาสร้างเป็นไฟล์ใหม่ค่ะ ส่วนไฟล์นั้นเก็บไว้ดี ๆ จะได้ใช้เวลาที่กลับมาจากเที่ยวแล้ว ในการกู้คืนการตั้งค่าจำนวนสต็อกสินค้ากลับมาค่ะ (ถ้าไม่ก็อปปี้ไว้จะต้อง Export ไฟล์มาแก้อีกรอบนะคะ และคราวนี้ร้านค้าจะต้องยุ่งยากในการป้อนค่าจำนวนสต็อกสินค้าแต่ละรายการ เตือนแล้วนะ!)
    6. เปิดไฟล์ที่คัดลอกใหม่ด้วยโปรแกรม Excel (หรือใช้วิธีการอัพโหลดไฟล์ขึ้น Google Drive แล้วเปิดด้วย Google Spreadsheets จากนั้นแก้ไขข้อมูลให้เสร็จ และดาวน์โหลดไฟล์เป็น .xlxs ลงมาจาก Google Drive อีกครั้ง ก็ได้เช่นกันค่ะ) และเมื่อเปิดไฟล์แล้ว ที่คอลัมน์ “คลัง” ให้ป้อนจำนวนสต็อกของสินค้าเป็น 0 ทุกรายการ (ทุกแถวข้อมูล) จะใช้วิธีการลากตัวเลขยาวทุกรายการก็ได้นะคะ จากนั้นบันทึกไฟล์ดังกล่าวและเตรียมอัพโหลดไฟล์ที่แก้กลับไปยัง Seller Center อีกครั้ง
    7. ที่ Seller Center ยังอยู่ที่หน้าเว็บไซต์เดิมคือ “แก้ไขข้อมูลสินค้าแบบชุด” ให้เลือกเมนู “อัพโหลด” (ตัวหนังสือสีดำธรรมดา ไม่เป็นปุ่มกด)
    8. จากนั้นกดปุ่ม “เลือกไฟล์” สีส้ม และทำการเลือกไฟล์ที่ได้แก้ไขไปในหัวข้อที่ 6 และเมื่อทำการเลือกไฟล์แล้วระบบจะอัพโหลดไฟล์ให้โดยอัตโนมัติ และทำการปรับจำนวนสต็อกของสินค้าให้ ตามรายการที่แก้ไขไปในไฟล์
    9. และเมื่อกลับมาจากพักผ่อนท่องเที่ยวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต้องการแก้ไขจำนวนสต็อกกลับ ก็ใช้วิธีการเดิมในข้อที่ 7 และ 8 ข้างต้น โดยคราวนี้ให้ทำการอัพโหลดไฟล์ที่ได้เก็บไว้ในข้อที่ 5 เข้าไป (ไฟล์ที่ไม่ถูกแก้ไข) เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ ระบบจะทำการปรับจำนวนสต็อกของสินค้าให้ ตามรายการเดิมก่อนวันที่เราจะไปเที่ยวเลยค่ะ
  3. ตั้งค่าข้อความตอบกลับอัตโนมัติเตรียมไว้ จะต้องมีลูกค้าประจำทักเข้ามาสอบถามแน่นอนค่ะ ว่าทำไมร้านค้าถึงไม่มีสต็อกเลย ทำไมสต็อกจึงถูกปรับเป็น 0 หมดทุกรายการสินค้า อาจจะตั้งเป็นข้อความประมาณว่า..แม่ค้าไปเที่ยวนะ จำเป็นจะต้องปรับสต็อกเป็น 0 ไว้และจะกลับมาเปิดให้สั่งซื้อได้อีกครั้งวันที่เท่าไหร่ เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ารู้กำหนดวันชัดเจนในการกลับมาซื้อสินค้าอีกครั้งค่ะ
  4. จัดทำแบนเนอร์ (Banner) แปะไว้ที่หน้าร้านค้าด้วยจะดีมากเลย ใส่รายละเอียดเล็ก ๆ ไว้ด้วยว่าจะเริ่มสั่งซื้อสินค้าอีกครั้งได้อีกวันไหน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://seller.shopee.co.th/edu/article/877)

ไอเดียปิดร้านแบบที่ 4 "ตั้งค่าสินค้าทุกชิ้นเป็นไม่แสดง"

ไอเดียการปิดร้าน Shopee ชั่วคราวด้วยการตั้งค่าสินค้าทุกชิ้นเป็นไม่แสดงวิธีการนี้เป็นการปิดการแสดงผลสินค้าทั้งหมดภายในร้านค้า (เอาสิ! ไม่เห็นสินค้าแล้วจะสั่งยังไง) โดยวิธีการนี้ร้านค้าสามารถที่จะเข้าไปที่ Seller Center จากนั้นเลือกเมนู “สินค้าของฉัน” และทำการคลิกเลือกรายการสินค้าทั้งหมดจากนั้นตั้งเป็น “ไม่แสดง” และค่อย ๆ ทยอยทำให้ครบ แค่นี้ก็ไปเที่ยวได้โดยที่ไม่ต้องกังวลแล้วค่ะ

ข้อดี ของการ ตั้งค่าสินค้าทุกชิ้นเป็นไม่แสดง

  1. ในช่วงที่เราตั้งค่าสินค้าเป็นไม่แสดง หากมีออเดอร์ที่ลูกค้าทำการสั่งซื้อไว้และยังไม่ได้รับการชำระเงิน และเมื่อถึงเวลาออเดอร์ดังกล่าวได้รับการยกเลิก จำนวนสต็อคจะกลับคืนมายังรายการสินค้า หากในกรณีที่เราเลือกใช้วิธี “ปรับสต็อกสินค้าเป็น 0 ทุกรายการสินค้า” วิธีการดังกล่าวอาจทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าได้อีกครั้ง เนื่องจากจำนวนสต็อคจะมีการคืนกลับไปยังรายการสินค้า แต่หากเป็นวิธีการ “ตั้งค่าสินค้าทุกชิ้นเป็นไม่แสดง” ถึงแม้ว่าออเดอร์จะได้รับการยกเลิกและจำนวนสต็อคกลับคืนมายังสินค้า ก็ไม่มีผลให้ลูกค้าทำการสั่งซื้อสินค้าได้อีกครั้งนั่นเอง

ข้อเสีย ของการ ตั้งค่าสินค้าทุกชิ้นเป็นไม่แสดง​

  1. สำหรับร้านมีลูกค้าประจำ ลูกค้าจะสงสัยว่าทำไมร้านค้าจึงไม่มีสินค้าที่แสดงผลภายในร้านค้าเลย และมักจะทักเข้ามาสอบถามอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นร้านค้าควรตั้งข้อความตอบกลับอัตโนมัติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่าทำไมลูกค้าจึงมองไม่เห็นสินค้าภายในร้านค้า และจะสามารถกลับมาซื้อสินค้าได้อีกครั้งภายในวันไหน
  2. หากมีลูกค้าทักแชทร้านค้าเข้ามาในช่วงที่เราไปเที่ยวพักผ่อน และเราไม่ได้ตอบกลับแชทลูกค้า อัตราการตอบกลับแชทจะลดลง (ซึ่งต่างจากการเปิดโหมดพักร้อน แม้ไม่ตอบแชทลูกค้า อัตราการตอบกลับแชทก็จะไม่ลดลง)

เทคนิคแนะนำ สำหรับการ ตั้งค่าสินค้าทุกชิ้นเป็นไม่แสดง​

  1. ตั้งค่าข้อความตอบกลับอัตโนมัติในแชทเตรียมไว้ เพื่อชี้แจงสาเหตุที่ลูกค้ามองไม่เห็นสินค้าภายในร้านค้า พร้อมกับแจ้งว่าจะสามารถกลับมาสั่งซื้อสินค้าได้อีกครั้งภายในวันไหน
  2. จัดทำแบนเนอร์ (Banner) ว่าเราหยุดส่งสินค้า ไปเที่ยวนะ แปะไว้ที่หน้าร้านค้าด้วยจะดีมากเลย ใส่รายละเอียดเล็ก ๆ ไว้ด้วยว่าเราจะกลับมาวันไหน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://seller.shopee.co.th/edu/article/877)

ไอเดียปิดร้านแบบที่ 5 "ปิดช่องทางการจัดส่งของร้านค้า"

ไอเดียการปิดร้าน Shopee ชั่วคราวด้วยการปิดช่องทางการจัดส่งของร้านค้า วิธีการนี้แสนง่ายค่ะ โดยเข้าไปปิดสวิตซ์บริษัทขนส่งที่มีอยู่ในร้านค้าทั้งหมด เท่านี้ลูกค้าก็เลือกสินค้าใส่ตะกร้าได้ แต่เมื่อถึงขั้นตอนการสั่งซื้อระบบจะแจ้งว่า “ไม่มีตัวเลือกการจัดส่งที่ใช้ได้” นั่นหมายถึงร้านค้าไม่มีตัวเลือกการจัดส่งให้กับลูกค้านั่นเองค่ะ แค่นี้ลูกค้าก็กดทำรายการสั่งซื้อต่อไม่ได้แล้ว และแน่นอนว่าจะต้องมีลูกค้าทักเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับัญหาดังกล่าวผ่านทางแชทร้านค้าอย่างแน่นอน ดังนั้นอย่าลืมไปตั้งค่าข้อความตอบกลับอัตโนมัติด้วยละว่าร้านค้าของเรากำลังพักร้อนอยู่ จะกลับมาสั่งซื้อได้อีกครั้งในวันที่เท่าไหร่ ช่วงเวลากี่โมง และกลับมาจากเที่ยวแล้วก็อย่าลืมเปิดช่องทางการจัดส่งด้วยนะไม่งั้นรอออเดอร์เข้ากันเก้อแน่นอน โดยขั้นตอนการเปิด-ปิดช่องทางการจัดส่ง สามารถทำได้ที่ Seller Center โดยคลิกที่เมนู “ตั้งค่าการจัดส่ง” จากนั้นเลือกเปิด-ปิดสวิตช์ช่องทางการจัดส่งได้เลย

ข้อดี ของการ ปิดช่องทางการจัดส่งของร้านค้า

  1. ง่ายสุด ๆ แค่กดปุ่มปิดสวิตช์บริษัทขนส่งที่มีอยู่ ที่เหลือก็แค่ไปเคลียร์ออเดอร์ที่ค้างส่งให้หมด
  2. สินค้ายังคงสามารถค้นหาได้ในหน้าค้นหาตามปกติและลูกค้ายังเห็นสินค้าภายในร้านค้าของเราเป็น 1 ในตัวเลือกที่อาจจะซื้ออยู่
  3. กรณีที่ลูกค้ามีการแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมหน้าโปรไฟล์ร้านค้า ลูกค้าจะยังคงมองเห็นสินค้าภายในร้านค้าอยู่ และสามารถที่จะหยิบสินค้าใส่ตะกร้าได้ แต่เมื่อถึงขั้นตอนการทำรายการสั่งซื้อ จะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ซึ่งถือเป็นการไม่ตัดโอกาสที่จะให้ลูกค้าได้เยี่ยมชมสินค้าภายในร้านค้า

ข้อเสีย ของการ ปิดช่องทางการจัดส่งของร้านค้า

  1. วิธีการนี้อาจทำให้ดูเหมือนกับระบบการสั่งซื้อมีข้อผิดพลาด ทำไมจึงไม่สามารถกดสั่งซื้อต่อได้นะ! คงเป็นคำถามในใจที่ลูกค้าจะทักเข้ามาถามร้านค้าภายในทันทีดังนั้นร้านค้าควรตั้งข้อความตอบกลับอัตโนมัติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่าทำไมลูกค้าจึงไม่สามารถทำรายการสั่งซื้อสินค้าได้ และจะสามารถกลับมาซื้อสินค้าได้อีกครั้งภายในวันไหน
  2. หากมีลูกค้าทักแชทร้านค้าเข้ามาในช่วงที่เราไปเที่ยวพักผ่อน และเราไม่ได้ตอบกลับแชทลูกค้า อัตราการตอบกลับแชทจะลดลง (ซึ่งต่างจากการเปิดโหมดพักร้อน แม้ไม่ตอบแชทลูกค้า อัตราการตอบกลับแชทก็จะไม่ลดลง)

เทคนิคแนะนำ สำหรับการ ปิดช่องทางการจัดส่งของร้านค้า​

  1. ตั้งค่าข้อความตอบกลับอัตโนมัติในแชทเตรียมไว้ เพื่อชี้แจงสาเหตุที่ลูกค้าไม่สามารถทำรายการสั่งซื้อสินค้าได้ พร้อมกับแจ้งว่าจะสามารถกลับมาสั่งซื้อสินค้าได้อีกครั้งภายในวันไหน
  2. จัดทำแบนเนอร์ (Banner) ว่าเราหยุดส่งสินค้า ไปเที่ยวนะ แปะไว้ที่หน้าร้านค้าด้วยจะดีมากเลย ใส่รายละเอียดเล็ก ๆ ไว้ด้วยว่าเราจะกลับมาวันไหน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://seller.shopee.co.th/edu/article/877)

Tip หนีเที่ยว + แวะส่งของไปด้วย

สำหรับร้านค้าที่อยากหนีเที่ยวไปด้วย ส่งของไปด้วย สามารถทำได้ด้วยการเอาสินค้าติดท้ายรถไปด้วย (เหมาะกับร้านค้าเล็ก ๆ ที่มีสินค้าน้อย ๆ SKU) จากนั้นในฝั่งร้านค้าตั้งค่าการหนีพักร้อนด้วยวิธีการ “ตั้งค่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์” และเปิดช่องทางการจัดส่งที่รองรับการ Drop-Off เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามา ก็จัดเตรียมแพ็คสินค้าให้เสร็จสิ้น และนำพัสดุดังกล่าวไป Drop-Of ยังสาขาของบริษัทขนส่งที่รองรับ Drop-Off ที่อยู่ใกล้เราได้เลย
* การ Drop-Off สินค้า สามารถทำได้ทุกสาขา ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสาขาที่เราตั้งค่าที่อยู่การจัดส่งไว้ในระบบ
* สำหรับร้านค้าขนาดใหญ่ ที่มีสินค้าเยอะ ๆ หลาย ๆ SKU ลองเปิดสินค้าพรีออเดอร์เฉพาะรายการสินค้าที่ขายดี และรายการสินค้าที่เหลือก็ใช้วิธีการปรับสต็อกเป็น 0 หรือปิดการแสดงผลแทน จะทำให้เราไม่ต้องแบกสินค้าทุกชิ้นติดท้ายรถไปด้วย

คำแนะนำเพิ่มเติมในการปิดร้าน Shopee ชั่วคราว

แต่ละวิธีการนั้นก็มีข้อดี ข้อเสีย ให้ร้านค้าได้พิจารณาเลือกใช้งานที่แตกต่างกัน ทีมงานจึงขอสรุปคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้งานแต่ละวิธีค่ะ ทั้งนี้ก่อนเลือกใช้งานก็ขอให้ร้านค้าได้พิจารณาความเหมาะสมและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับร้านค้าของตัวเองอีกครั้งนะคะ

  1. การเปิดโหมดพักร้อน/การตั้งค่าสินค้าทุกชิ้นเป็นไม่แสดง/การปรับสต็อกสินค้าเป็น 0 ทุกรายการสินค้า เหมาะกับร้านค้าที่มีสินค้าเฉพาะ ที่เมื่อปิดร้านไปก็ไม่มีร้านคู่แข่งไหนสามารถมาจำหน่ายสินค้าแทนได้โดยตรง เช่น สินค้ากลุ่มอาหาร สินค้ากลุ่มแฮนเมด หรือร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าที่มีคู่แข่งน้อยบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ โดยการปิดร้าน Shopee ชั่วคราวด้วยวิธีการดังกล่าวจะทำให้ลูกค้าไม่สามารถที่จะค้นหาสินค้าภายในร้านค้าพบ ส่งผลให้อัตราการมองเห็นสินค้าลดลง แต่เนื่องด้วยร้านค้าเปิดจำหน่ายสินค้าที่เฉพาะ หรือสินค้าที่มีคู่แข่งน้อย ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการเฉพาะกลุ่ม เมื่อกลับมาเปิดร้านค้าอีกครั้ง จึงฟื้นตัวเร็วกว่าร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าทั่วไปหรือมีคู่แข่งทางการค้าบนแพลตฟอร์มช้อปปี้เยอะ
  2. การตั้งค่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์/การปิดช่องทางการจัดส่งของร้านค้า เหมาะกับร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าทั่วไป (ที่กำลังขายดีอยู่) หรือร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าที่มีคู่แข่งเยอะบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ โดยการปิดร้าน Shopee ชั่วคราวด้วยวิธีการดังกล่าว จะทำให้ลูกค้าสามารถที่จะค้นหาสินค้าภายในร้านค้าพบอยู่ ส่งผลให้อัตราการมองเห็นสินค้าลดลงไม่มากนัก และโดยเฉพาะการเลือกใช้วิธีการตั้งค่าสินค้าเป็นพรีออเดอร์ จะยังคงทำให้ลูกค้าสามารถที่จะกดสั่งซื้อสินค้าได้อยู่ ส่งผลให้อันดับสินค้าในหน้าการค้นหาไม่ตกลง (ลำดับการแสดงผลจากการค้นหา มีผลต่อการสั่งซื้อเป็นอย่างมาก) มีผลให้เมื่อร้านค้ากลับมาเปิดจำหน่ายสินค้าตามปกติจึงไม่ส่งผลกระทบเรื่องจำนวนออเดอร์มากนัก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการคุกกี้ได้โดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

อนุญาตทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้คือคุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้เว็บไซต์/แพลตฟอร์มทำงานได้และเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยให้เราสามารถให้บริการตามที่คุณร้องขอได้ ตัวอย่างเช่น คุกกี้ที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าสู่ระบบไปยังเว็บไซต์ที่ปลอดภัยได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์/เพื่อประสิทธิภาพ

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เราสามารถจดจำและนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ตลอดจนช่วยให้เราทราบถึงพฤติกรรมในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ให้มีคุณภาพดีขึ้นและมีความเหมาะสมมากขึ้น อีกทั้งเพื่อรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับวิธีการเข้าและพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์โดยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย และช่วยให้เราเข้าใจถึงความสนใจของผู้ใช้บริการ และวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณาของเรา รายการคุกกี้ประกอบไปด้วยคุกกี้ _ga, _gid, __gads, _gat_UA-*,_gat_gtag_UA_*

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาและการตลาด

    คุกกี้ประเภทนี้จะจดจำการตั้งค่าของผู้ใช้บริการในการเข้าใช้งานหน้าเว็บไซต์ และนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการปรับเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์เพื่อนำเสนอโฆษณาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น การเลือกแสดงโฆษณาสินค้าที่คุณสนใจ การป้องกันหรือการจำกัดจำนวนครั้งที่ท่านจะเห็นหน้าเว็บไซต์ของโฆษณาซ้ำ ๆ เพื่อช่วยวัดความมีประสิทธิผลของโฆษณา รายการคุกกี้ประกอบไปด้วยคุกกี้ fr, _fbp, _fbc

บันทึก