รีเบท หรือ Rebate ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการตลาด
รีเบท คือ เงินคืน (เงินคืนอะไรกัน?) สำหรับผู้ที่คลุกคลีอยู่กับการนำสินค้าลงขายในช่องทางใหญ่ ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เช่น ขายในห้าง ขายในร้านสะดวกซื้อเจ้าดัง ๆ ที่แต่ละเดือน (หรือแต่ละปี) มียอดขายเยอะ ๆ เป็นหลักหมื่น หลักแสนชิ้น จะรู้จักกับคำว่ารีเบทดี เพื่อให้เห็นภาพกับความหมายของรีเบท จะยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ เช่น นาย ก มีสินค้าเป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อหนึ่ง ส่งขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ โดยมีการตกลงกับห้างฯ ที่ลงขายสินค้าไว้ว่า ถ้ายอดขายในปีนี้ถึง 10,000,000 (สิบล้านบาท) จะให้รีเบท (เงินคืน) แก่ห้างที่ 1% เป็นต้น
แบบนี้นอกจากห้างจะได้กำไรจากการขายปกติแล้ว ยังได้เงินคืน 1% ซึ่งคำนวณจากยอดขายด้วย (ดีเลยไหมละ) และฝั่งนาย ก เองก็ได้ประโยชน์เป็นการกระตุ้นให้ห้างขายสินค้าของตัวเองเพิ่มขึ้น จัดโปรเพิ่มขึ้น เพื่อทำยอดกลับมาสั่งซื้อสินค้าที่นาย ก นั่นเอง (แฟร์ๆ ทั้งสองฝ่าย)
การรีเบทนั้นมีหลายแบบ แอดมินจะขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพซัก 1-2 รูปแบบ
– แบบแรก จ่ายแบบไม่มีเงื่อนไข (ตั้งเปอร์เซ็นต์รีเบทอย่างเดียว เช่นรีเบท 1% 2% 3%) ตัวอย่างเช่น ยอดขายเท่าไหร่ก็รีเบทไปเลย 1% เช่นยอดขาย 1,000,000 (1 ล้าน) ก็คำนวณเป็นรีเบท 10,000 บาท, ยอดขาย 10,000 คำนวณเป็นรีเบท 100 บาท เป็นต้น
– แบบที่สอง จ่ายแบบมีเงื่อนไข (มีขั้นต่ำของยอดถึงจะจ่ายรีเบทเป็นเท่านี้ๆ เปอร์เซ็นต์) เช่น เป้าหมายยอดขาย 1,000,000 (1 ล้าน) ถึงจะได้รีเบท 1% ไม่งั้นไม่ได้รีเบทเลย หรือ เป้าหมายยอดขาย 1 ล้าน ให้รีเบท 1% และหากยอดขาย 1 ล้าน 2 แสน ให้รีเบท 1.1% เป็นต้น เป็นขั้นบันไดไปเรื่อย ๆ ตามที่ตกลงกัน
รีเบทนั้นนอกจากจะเป็นเรื่องของเงินคืนแล้ว ยังใช้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้ตั้งราคาขายด้วย ลองคิดดูนะว่า ถ้าห้าง A และห้าง B ขายสินค้าเดียวกัน (ซึ่งทั้งสองห้างมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ) แต่ห้าง A ขายถูกกว่า จากการที่ยอมได้กำไรน้อยแต่ขายได้ยอดขายเยอะกว่า เพื่อที่จะได้เงินรีเบทมาทดแทนกำไรบางส่วนที่หายไป อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้คนมาเดินห้าง A อีกด้วย นี่แหละครับพลังของการรีเบท
1 บาท / 9 บาท
คุณเคยเข้าแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์เจ้าดังแล้วเจอราคาสินค้าลดจากหลักร้อยบาท เหลือ 1 บาท, เหลือ 9 บาท ไหมครับ?
ใช่ ผมว่าคุณเองคงเคยเห็นมาบ้าง และหนึ่งในผู้ที่ได้อ่านบทความนี้ก็อาจเคยซื้อมานับชิ้นไม่ถ้วนแล้ว แล้วสงสัยไหมว่า ร้านค้าที่ขายนั้น..ได้อะไร
ใช่ครับ ร้านได้อะไร ซึ่งได้แน่นอน อย่างน้อย…
- ขาดทุน…แต่
- ได้ผู้ติดตามร้านค้าเพิ่มขึ้น…
- ได้จำนวนยอดขายของสินค้านั้นเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าดูน่าเชื่อถือ…
- ได้รีวิวสินค้าเพิ่มขึ้น (ของต้องดีด้วยนะถึงจะโอเค)
- และอื่น ๆ ที่มีผลทางตรง ณ ตอนที่สินค้าลดราคาและทางอ้อมที่จะมีผลในอนาคตหลังจากแคมเปญลดราคานี้ผ่านไปแล้ว (ทั้งดีและเสีย)
คุณว่าร้านค้ายอมขาดทุนเพื่อแลกกับสิ่งนี้จริง ๆ เหรอ?
- จริงครับ เชื่อไหมว่าบางครั้งลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าราคา 1 บาท ไม่ได้ซื้อแค่ 1 บาท แต่กลับพ่วงสินค้าอื่น ๆ ภายในร้านไปด้วย เพราะอะไร? เพราะบางครั้งลูกค้ามีโค้ดส่งฟรีก็แอบเสียดาย (กลัวไม่คุ้มที่ใช้โค้ด) เลยซื้อพ่วง ๆ ไปด้วย
- จริงครับ บางร้านเปิดใหม่ จัดครั้งเดียวแล้วปัง แถมลูกค้าติดอีก โตไปอีกขั้นครับ
- จริงครับ ช่วยเพิ่มยอดวิวและผู้ติดตามได้ดีทีเดียว และอื่นๆ อีกหลายเหตุผล ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายของร้านค้าคืออะไร
ง่ายมาก “ก็ให้ร้านค้าลดราคาไปเลยโหดๆ” จากหลักร้อยเหลือ 1 บาทบ้าง เหลือ 9 บาทบ้าง ก็ว่าไป แล้วส่วนต่างของราคาที่ลดโหด ๆ ล่ะ ใครจะรับผิดชอบ?
ใช่ครับ ไม่ต้องกังวล แพลตฟอร์มจะรีเบทให้คุณเอง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ร้าน A ขายเสื้อแฟชั่นตัวนึง 99 บาท ซึ่งขายดีมากๆ บนแพลตฟอร์ม S แต่ร้าน A ก็เปิดขายเสื้อตัวนี้ในแพลตฟอร์ม L ด้วยเช่นกัน ซึ่งยอดขายก็ดีทั้งคู่ ต้องบอกว่าดีมากเลยทีเดียวล่ะ (ว่าซั่น) ต้องสมมุติให้อินหน่อย
แพลตฟอร์ม S เห็นว่าร้านค้า A มีแววจะสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมให้กับแพลตฟอร์มอย่างมากในอนาคตจึงส่งน้องจอย เจ้าหน้าที่ดูแลร้านสุดสวยเข้าประกบร้าน A เพื่อยื่นข้อเสนอบางประการ…
น้องจอย : พี่คะ จอยเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลร้านจากแพลตฟอร์ม S นะคะ ร้านพี่ขายดีมาก ๆ เลย จอยอยากจะดูแลให้ร้านพี่ขายดียิ่งขึ้นด้วยการพาร้านพี่เข้าลงแฟลชเซลล์บนแพลตฟอร์มของเราค่ะ
- ร้าน A : อ่อครับ แล้วผมจะเสียอะไรบ้างครับ
น้องจอย : ไม่เสียอะไรเลยค่ะ มีแต่ได้กับได้ค่ะ อย่างแรกเลย ได้ยอดการสั่งซื้อสินค้าชิ้นนั้นจะพุ่งขึ้นแน่นอนจากการลงแฟลชเซลล์ค่ะ จะยิ่งทำให้สินค้านั้นดูน่าสนใจมากขึ้น เพราะจำนวนชิ้นที่ขายได้จะเยอะมาก ๆ ค่ะ และอย่างที่สองจะช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มอัตราการมองเห็นสินค้า อัตราการกดติดตามร้านค้าจากการที่ลูกค้าตามมาจากแฟลชเซลล์ได้ดีเลยทีเดียวค่ะ
- ร้าน A : ครับ แล้วผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ
น้องจอย : ขั้นตอนไม่ยุ่งยากค่ะ เดี๋ยวจอยส่งฟอร์มให้กรอกรายละเอียดสินค้าและสต็อกนะคะ รบกวนร้านกรอกเข้ามา ที่เหลือเดี๋ยวจอยจะดำเนินการให้และจะแจ้งวันที่ร้านค้าได้รับการลงแฟลชเซลล์ให้นะคะ จะได้ไปประชาสัมพันธ์ร้านไว้ล่วงหน้าค่ะ ราคาลดในแฟลชเซลล์ จอยจะลดให้เหลือราคา 9 บาทนะคะ จากราคาปกติ 99 บาท ส่วนต่างอีก 90 บาท เดี๋ยวทางแพลตฟอร์มจะรีเบทให้ร้านค้าพร้อมกับคำสั่งซื้อนะคะ
- ร้าน A : ยังไงครับ ไม่ค่อยเข้าใจ
น้องจอย : แฟลชเซลล์ที่จอยจะลงให้ จะขายสินค้าของร้านในราคา 9 บาท เมื่อลูกค้าสั่งซื้อสินค้าเข้ามา ทางแพลตฟอร์มของจอยก็จะจ่ายให้อีก 90 บาท เป็น 99 บาทค่ะ แต่ขอสต็อกขั้นต่ำที่ประมาณ 500 ตัว พอจะไหวไหมคะ
- ร้าน A : ไหวครับ ๆ ตกลงครับ
แบบนี้เป็นต้นครับ ซึ่งการรีเบทแบบนี้จะเป็นการที่แพลตฟอร์มออกส่วนต่างของราคาลดให้ เพื่อกระตุ้นให้ฐานลูกค้าของร้านค้าหนีจากแพลตฟอร์มคู่แข่งมายังแพลตฟอร์มของตัวเองชั่วคราว หรือเพื่อดึงลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยใช้แพลตฟอร์มให้เข้ามาลงทะเบียนใช้งานเพื่อซื้อสินค้าชิ้นนี้ หรือเพื่อดึงให้ลูกค้าเก่า (ลูกค้าปัจจุบัน) ของแพลตฟอร์มให้มาจดจ่อรอซื้อของตามช่วงเวลาที่มีการจัดแคมเปญและให้ข้อเสนอต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น เช่น โค้ดส่งฟรี โค้ดลดราคาอื่น ๆ เป็นต้น
- ทราฟฟิกการเข้าใช้งานที่เพิ่มขึ้น
- ลูกค้าใหม่ที่ลงทะเบียนใช้งานแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น ได้ทดลองใช้ หรือได้ลองเปิดใจใช้งาน ในกรณีที่ใช้อีกแพลตฟอร์มเป็นประจำอยู่แล้ว
- จำนวนคำสั่งซื้อในภาพรวมของแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น
- ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือของร้านค้าหนึ่งที่อยู่บนแพลตฟอร์มของตัวเองให้เหนือกว่าแพลตฟอร์มของคู่แข่ง เพื่อคาดหวังให้ร้านค้าอยู่กับแพลตฟอร์มไปนาน ๆ และเพื่อประโยชน์ต่าง ๆ ของแพลตฟอร์มในอนาคต
- อื่นๆ
- ได้ยอดขายเพิ่มขึ้นแน่นอน
- ได้ผู้ติดตามร้านค้าเพิ่มขึ้น มีคนรู้จักร้านค้าเพิ่มขึ้น
- ร้านค้ามีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นจากยอดสินค้าที่ขายและรีวิวต่าง ๆ ที่จะมีมาหลังจากแคมเปญนี่เสร็จสิ้นลง
- ทำร้านให้น่าสนใจ มียอดขายที่ดีประมาณนึง (ขายดี ต้องมีกำไรด้วย ดูบทความการตั้งราคา ได้ที่นี่)
- ทำร้านให้ดูมีรีวิวที่ดี บริการที่ดี จากการสั่งซื้อของลูกค้า
- ทำตามกฎของแพลตฟอร์มเพื่อรักษาสิทธิ์ในการเข้าร่วมแคมเปญหรือข้อเสนอต่าง ๆ ของแพลตฟอร์มไว้
>>> https://www.facebook.com/maekha.th